วินมอไซต์ ใจทราม ใช้คัทเตอร์หวัง จี้ข่มขืน นร.หญิง แต่เหยื่อหนีมาได้

วินมอไซต์ ใจทราม ใช้คัทเตอร์หวัง จี้ข่มขืน นร.หญิง แต่เหยื่อหนีมาได้

ได้มีการเผยแพร่ของคลิปวิดีโอ วินมอไซต์ ใช้มีดคัทเตอร์โดยหวัง จี้ข่มขืน นร.หญิง 16 ปี แต่เหยื่อหนีรอดออกมาได้ก่อนเข้าโรงแรม (8 มิ.ย. 2565) นาทีระทึกกับการหนีเอาตัวรอดมาได้ของ นร.หญิง วัย 16 ปี ที่สามารถหนีจาก วินมอไซต์  ที่ใช้งานมีดคัทเตอร์เพื่อหวัง จี้ข่มขืน แต่เหยื่อสามารถหนีรอดออกมาได้ก่อนจะถูกพาเข้าไปยังโรงแรมที่เกิดเหตุ โดยในเวลานี้ทราบตัวคนร้ายแล้ว และอยู่ระหว่างการติดตามตัว

โดยเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2565 เวลา 17.00 น. 

พ.ต.ท.ธนาธิป ครองงาม สว.(สอบสวน) สน.คลองตัน ได้รับแจ้งเหตุว่ามีเด็กนักเรียนหญิงถูกคนร้ายล่อลวง และบังคับเพื่อกระทำการล่วงละเมิดทางเพศ ที่เกิดเหตุ ณ โรงแรมพระโขนง 37 ซอยภูมิจิตร ถนนพระราม 4 แขวงพระโขนง เขตคลองเตย กทม. ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่อาสามูลนิธิร่วมกตัญญูได้รุดตรวจสอบพื้นที่ตามเหตุรับแจ้ง

เมื่อถึงที่เกิดเหตุแล้วพบว่าโรงแรมดังกล่าวมีลักษณะเป็นโรงแรมม่านรูด และผู้เสียหายที่เป็นเด็กนักเรียนญิงอายุ 16 ปี ระดับมัธยมปลาย ซึ่งอยู่ระหว่างอาการตื่นตระหนก และพบรอยฟกช้ำตามร่างกาย คาดว่าเกิดจากการทำร้ายร่างกาย โดยเจ้าหน้าที่ได้นำตัวไปส่งยังโรงพยาบาลเทพธารินทร์

จากการตรวจสอบคลิปวิดีโอที่ถ่ายจากกล้องมือถือของพลเมืองดีรายหนึ่งก็พบว่า คนร้ายเป็นผู้ให้บริการจักรยานยนต์รับจ้างหมายเลข 41 รูปร่างอวบอ้วน ผิวดำแดง ที่ได้กระทำการฉุดกระชากผู้เสียหายไปยังที่เกิดเหตุ

ประกอบการให้ปากคำของผู้เสียหายนั้น ก็พบว่า คนร้ายเป็นวินมอเตอร์ไซต์ที่ทำการขับขี่ส่งผู้เสียหายเมื่อช่วงเช้าของวันเกิดเหตุ และให้บริการในพื้นที่ดังกล่าว โดยได้ให้เบอร์ติดต่อไว้หลังจากให้บริการไปเพื่อใช้บริการอีกครั้งหลังจากเลิกเรียนแล้ว ซึ่งก็เป็นเวลาที่คนร้ายลงมือก่อเหตุ ด้วยการขับพาไปยังโรงแรมดังกล่าวก่อนจะกระชากตัวพร้อมใช้มีดคัทเตอร์เป็นอาวุธในการข่มขู่

แต่ผู้เสียหายได้ฉวยโอกาสหนีห่างออกมาได้ โดยคนร้ายได้ชิงทรัพย์โทรศัพท์มือถือที่ตกไป และหลบหนีในเวลาต่อมา

เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ดำเนินการประสานงานกับฝ่ายสืบสวน สน.คลองตัน และกองกำกับการสืบสวนสอบสวนนครบาล 5 ในการดำเนินการตรวจสอบที่เกิดเหตุ และเก็บพยานหลักฐานเพิ่มเติม จนสามารถรู้ตัวคนร้ายได้แล้ว ซึ่งก็คือ นายสมศักดิ์ แจ้งสัตย์ ขับขี่รถวินจยย.หมายเลข 41 ใช้รถ จยย.ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ สีน้ำเงิน-ดำ ทะเบียน 4777 กรุงเทพมหานคร

จากการสอบถามวินมอเตอร์ไซต์รายอื่นในพื้นที่แล้วนั้น พบว่า คนร้ายมีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติด โดยในเวลานี้เจ้าหน้าที่ได้ทำการติดตามตัวมาสอบปากคำแล้ว

บังแจ็ค เปิด คลิปเสียงเบิร์ด ถามกระติกทำไมไม่ดูแลแตงโม เจอคำตอบสุดอึ้ง

บังแจ็ค โพสต์ คลิปเสียงเบิร์ด เล่าวันเกิดเหตุ ถามกระติกทำไมไม่ดูแลแตงโม เจอตอบ แตงโมไม่ใช่เด็ก 2-3 ขวบต้องดูแล 24 ชั่วโมง บังแจ็ค เคลื่อนไหวอีกครั้งผ่านเพจเฟซบุ๊ก Happy Melon official อีกครั้ง โดยได้โพสต์คลิปเสียงที่อ้างว่าเป็นเสียงของเบิร์ด ซึ่งเป็นแฟนหนุ่มของแตงโมนิดา พูดคุยกับ บังแจ็ค

โดยจากคลิปเสียงนั้น เบิร์ด ได้พูดว่า “มึงไม่ดูแลแฟนกูเท่านั้นแหละ เพราะผมคุยกับกระติกครั้งสุดท้ายคือวันที่เจอร่างน้องโม ผมถามว่าทำไมกระติกไม่ดูแลโม มันบอกว่าฉันจะดูแลมันยังไง มันไม่ใช่เด็ก 2-3ขวบนะ ฉันก็อยากจะนั่งสวยนั่งตากลมของฉันสิ คำนี้มันทำให้ผมไม่อยากคุยกับมันอีกเลย”

หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงบังแจ็คตอบว่า คำนี้มันพูดไม่ได้ พูดได้ไงอ่ะ ก่อนที่เบิร์ดจะพูดต่อว่า “คือเด็ก 2-3 ขวบอะไร มันไม่เกี่ยวเว้ยมันเกี่ยวว่ามึงดูแลเพื่อนมึงยังไง มึงดูแลเพื่อนมึงดีหรือเปล่า มันไม่เกี่ยวเลยว่าเด็ก 2-3 ขวบจะต้องมานั่งดูมันตลอด 24 ชม. จะต้องมานั่งดูมันตลอด คือมันไม่ใช่ อีกอย่างมึงเป็นผู้จัดการไอ้เหี้- เออนั่นแหละพีผม”

ทาง บังแจ็คก็ถามเบิร์ดว่าประโยคเมื่อกี้ใครพูด ซึ่งถามเบิร์ดก็ตอบว่าคนพูดคือกระติก ก็จะเล่าต่อว่า “กระติกพูดเราจะไปดูมันตลอด 24 ชม.ได้ยังไงมันไม่ใช่เด็ก 2-3 ขวบ คือคำนี้มันทำให้ผมแบบจี๊ดเหมือนกัน ผมถามว่าแล้วโมตกไปตอนไหน บอกตกไปตอนไหนไม่รู้ เราไม่ได้ไปมองมันตลอดเวลานะเว้ยเบิร์ด อะไรยังงี้”

ทั้งนี้ทางรายการเรื่องเล่าเช้านี้ ได้สอบถามคนใกล้ชิดของเบิร์ดถึงประเด็นคลิปเสียงดังกล่าว ซึ่งทางคนใกล้ชิดยืนยันว่านี่เป็นเสียงของเบิร์ดจริง แต่ไม่สามารถยืนยันว่าได้พูดคุยกับบังแจ็คหรือไม่ เพราะว่าบังแจ็คอาจจะนำคลิปเสียงของเบิร์ดไปตัดต่อกับตน เพราะว่าปกติแล้วเบิร์ดชอบปรับทุกข์กับเพื่อนบ่อยๆ

19 กุมภาพันธ์ 2565 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ศาลนัดไต่สวนพยานครั้งแรก

24 มีนาคม 2565 ในวันที่ 24 มีนาคม 2565 ศาลได้สืบพยานจำเลยนัดสุดท้าย

8 มิถุนายน 2565 ล่าสุดวันนี้ เวลา 11.44 น. 8 มิถุนายน 2565 ศาลมีคำสั่ง คำพิพากษา ประหารชีวิต อดีตผู้กำกับโจ้ พร้อมจำเลขที่ 2-5 และ 7 แต่ได้ลดโทษเหลือ 1 ใน 3 เป็นการจำคุกตลอดชีวิต เป็นการสิ้นสุดคดีถุงคลุมหัว ส่วน จำเลยที่ 6 ด.ต.ศุภากร นิ่มชื่น ลงโทษจำคุก 8 ปี แต่มีเหตุให้ลดโทษเหลือ 5 ปี 4 เดือน เป็นคนเดียวที่ไม่โดนฐานความผิดร่วมกันฆ่า

Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป